โรคเหงือก / โรคปริทันต์

การรักษาโรคเหงือกสามารถรักษาได้โดยการขูดหินปูน ร่วมกับการเกลารากฟัน ส่วนใหญ่จะมีการเข้าใจผิดคิดว่า การขูดหินปูนเพียงอย่างเดียวก็สามารถรักษาโรคเหงือกได้ ในความเป็นจริงการขูดหินปูนเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถรักษาโรคเหงือกได้สมบูรณ์ จะเป็นการกำจัดเอาเฉพาะหินปูนที่เกาะติดบนตัวฟันเท่านั้น ไม่ได้เอาหินปูนทึ่อยู่ใต้เหงือกออกด้วย

ทำความรู้จักกับเหงือกสุขภาพดี

เหงือกมีหน้าที่ยึดฟันไว้ในกระดูกขากรรไกรเพื่อรับแรงบดเคี้ยวส่วนใหญ่คนทั่วไปมีเหงือกสีชมพูอ่อนๆหรือสีเข้มกว่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับพันธุกรรมหรือลักษณะของแต่ละบุคคลแต่มักจะเป็นเฉดสีเดียวกันทั้งหมด โดยปกติเหงือกสุขภาพดีจะมีขอบเรียบชิดติดกับตัวฟัน และมีลักษณะเป็นขอบแหลมตามในคอฟันเนื้อแน่นแต่ไม่บวม  (ดังภาพที่แสดง)

โรคเหงือกอักเสบคืออะไร

โรคเหงือกอักเสบมีสาเหตุมาจากการที่แบคทีเรียในคราบหินปูนมาเกาะสะสมอยู่บนผิวฟัน ซึ่งโรคเหงือกอักเสบถ้าเป็นระยะที่ยังไม่มีการทำลายของกระดูกรอบๆรากฟัน สามารถรักษาให้หายได้ง่ายได้โดยการขูดหินปูนและการขัดฟันโดยทันตแพทย์ และภายหลังจากขูดหินปูนแล้วจะต้องแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธีด้วยในทุกๆวัน ซึ่งถ้าหากไม่ได้มีการทำความสะอาดฟันเป็นประจำ มีการทิ้งคราบแบคทีเรียที่เกาะติดฟันผิวฟันไว้เป็นเวลานานๆ คราบแบคทีเรียนี้จะค่อยๆแข็งตัวจนกลายเป็นหินปูน ซึ่งหินปูนนี้จะสามารถทำลายเนื้อเยื่อเหงือก และกระดูกเบ้าฟันได้ในอนาคต

ถ้าหากเป็นแค่โรคเหงือกอักเสบที่ยังไม่การทำลายของกระดูกและเนื้อเยื่อรอบรากฟัน ก็สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ แต่ถ้าหากทิ้งไว้นานไม่รักษาให้หาย จนมีการทำลายของกระดูกและเนื้อเยื่อรอบรากฟันไปแล้ว ก็จะกลายเป็นโรคปริทันต์อักเสบ ทำให้เกิดความเสียหายของกระดูกรอบรากฟันอย่างถาวร สุดท้ายทำให้ฟันโยก และต้องถอนฟันในที่สุด

สัญญาณของโรคเหงือกอักเสบ

จะสังเกตเห็นอาการดังต่อไปนี้

  • เหงือกรอบๆตัวฟันมีลักษณะบวม
  • เหงือกร่น
  • เหงือกมีสีแดงสด (เหงือกที่มีสุขภาพดีจะมีสีชมพูอ่อน หรือชมพูซีด)
  • เมื่อใช้ไหมขัดฟัน หรือแปรงฟันจะมีเลือดออกได้ง่าย
  • สีเหงือกมีการเปลี่ยนแปลงจากที่เป็นสีชมพูอ่อน จะกลายเป็นสีแดงเข้ม หรือสีคล้ำ

หากเป็นโรคเหงือกขั้นรุนแรงก็จะมีฟันโยก เหงือกบวมเป็นหนอง

สาเหตุของโรคเหงือกอักเสบ

สาเหตุเกิดจากการสะสมตัวของคราบพลัค คราบจุลินทรีย์ ที่มีทั้งคราบแบคทีเรียและคราบอาหาร พวกแป้ง น้ำตาลที่เกาะบนผิวฟันจากการทำความสะอาดฟันที่ไม่ดีพอ คราบเหล่านั้นจึงกลายเป็นอาหารของแบคทีเรีย ส่งผลให้แบคทีเรียเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนขึ้น และเมื่อแบคทีเรียปล่อยกรด และสารพิษออกมากระตุ้นให้เกิดการอักเสบ

อาการของโรคเหงือกอักเสบ

ถ้าหากเป็นระยะแรกยังไม่มีการทำลายของกระดูกรอบรากฟัน จะมีอาการดังนี้

    • มีกลิ่นปาก
    • โรคเหงือกในระยะแรกจะพบว่า เวลาแปรงฟันจะมีเลือดออก หรือมีเลือดซึมตามของเหงือก แต่จะไม่มีอาการเจ็บปวดเหงือกใดๆ

ถ้าหากเป็นระยะที่มีการทำลายของกระดูกรอบรากฟัน จะมีอาการดังนี้

    • มีกลิ่นปาก
    • เหงือกจะเริ่มเป็นหนอง บวม
    • เหงือกจะมีสีแดงคล้ำ ปวดและเจ็บบริเวณเหงือก
    • รู้สึกว่าฟันยาวขึ้น แต่จริงๆแล้วเกิดจากการมีเหงือกร่น
    • ฟันเริ่มโยกเพราะมีการละลายของกระดูกที่รองรับฟัน

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ

  • เพศ – ผู้หญิงที่มีโอกาสที่จะเป็นโรคเหงือกได้มากกว่าผู้ชาย
  • อายุ – ผู้สูงอายุมีโอกาสพบโรคเหงือกมากกว่า เนื่องจากประสิทธิที่ภาพในการทำความสะอาดช่องปากลดลง
  • พฤติกรรม – พฤติกรรมการสูบบุหรี่ การดูแลสุขภาพฟันทั่วๆไปในประจำวัน เช่นการแปรงฟัน และการใช้ไหมขัดฟัน
  • เครื่องมือจัดฟัน – การจัดฟันจะทำให้การแปรงฟัน และการใช้ไหมขัดฟันเป็นไปได้ยากมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีเครื่องมือจัดฟันติดอยู่ที่ฟันทำให้มีโอกาสที่เศษอาหารจะสะสมตามฟันมีมากขึ้น รวมทั้งต้องใช้อุปกรณ์พิเศษช่วยในการใช้ไหมขัดฟัน เช่น ที่ร้อยไหมขัดฟัน และ แปรงซอกฟัน

ภาวะแทรกซ้อน

ในผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่นโรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ถ้าหากเป็นโรคเหงือก อาจทำให้แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคเหงือกกระจายเข้าสู่กระแสเลือดผ่านทางช่องเหงือกได้

การตรวจวินิจฉัย

  • ทันตแพทย์จะตรวจดูคราบพลัค หรือหินปูน
  • ตรวจดูความผิดปกติของเหงือก ว่ามีลักษณะบวมแดง หรือมีเลือดออกหรือไม่
  • ตรวจดูว่ามีฟันโยกหรือไม่
  • ตรวจดูร่องลึกปริทันต์ เพื่อประเมินกระดูกรอบๆรากฟัน

การรักษาโรคเหงือกอักเสบ

การรักษาโรคเหงือกอักเสบมี 4 วิธีด้วยกันได้แก่

1. การเกลารากฟันและขูดหินปูน

เป็นการใช้เครื่องมือทางทันตกรรมในการขจัดคราบพลัค คราบหินปูน ให้ออกจากตัวฟัน ทั้งรอบๆตัวฟัน และใต้เหงือก เป็นการรักษาเบี้องต้นในการรักษาโรคเหงือกอักเสบ และโรคเยื่อหุ้มฟันอักเสบ

2. การผ่าตัด

ในคนไข้มีอาการโรคปริทันต์ในขั้นที่รุนแรง ทันตแพทย์าอาจมีการผ่าตัดเพื่อเปิดเหงือกในการรักษาบริเวณดังกล่าว

3. การศัลยกรรมปลูกเหงือก

เป็นวิธีการแก้ปัญหาเหงือกร่น โดยจะช่วยเพิ่มปริมาณ และความหนาของเหงือกบริเวณที่เกิดเหงือกร่น โดยทันตแพทย์จะตัดเอาเนื้อเยื่อเหงือกที่มีสุขภาพดีจากบริเวณอื่น ๆ ในช่องปากเพื่อทดแทนเนื้อเยื่อบริเวณที่เสียหาย

4. การศัลยกรรมตกแต่งเหงือกเพื่อความสวยงาม

เป็นการผ่าตัดเพื่อตกแต่งเหงือกเพื่อเพิ่มความสวยงาม เช่นการเพิ่มความยาวของฟัน ซึ่งจะทำในฟันหน้า เพิ่มความสวยงามให้กับฟัน โดยมักจะทำร่วมกับการทำวีเนียร์ หรือ ครอบฟันด้วย

การเตรียมตัวก่อนพบทันตแพทย์

ก่อนพบทันตแพทย์คนไข้ควรเตรียมข้อมูลดังต่อไปนี้

  • อาการ และปัญหาที่พบในช่องปากทั้งที่เกี่ยว และไม่เกี่ยวกับโรคเหงือกอักเสบ
  • ยา หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทานอยู่
  • ประวัติของโรคประจำตัวที่คนไข้มี
  • ถ้าหากตั้งครรภ์ต้องแจ้งทันตแพทย์ด้วยเสมอ

ขั้นตอนการรักษา

1.ทันตแพทย์จะทำความสะอาดฟันจนถึงรากฟัน

โดยการรักษาจะมีการขูดหินปูน และเกลารากฟัน โดยจะขูดหินปูนทั้งบนตัวฟัน และส่วนที่อยู่บนผิวรากฟันภายในร่องปริทันต์ การเกลารากฟันจะทำให้ผิวรากฟันเรียบเพื่อให้เนื้อเยื่อเหงือกสามารถกลับมายึดแน่นติดกับผิวฟันได้เหมือนเดิม โดยการรักษาจะต้องมีการฉีดยาชาร่วมด้วย

2.ระยะเวลาในการผ่าตัดเหงือก

จะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับความยากง่ายของแต่ละคน ซึ่งจะใช้ยาชาเฉพาะที่ร่วมด้วย  ขณะทำจะรู้สึกเพียงแค่แรงกดของเครื่องมือที่กระทำอยู่ หลังการผ่าตัดจะมีไหมเย็บแผล และยาปิดแผลปิดอยู่บริเวณเหงือก และจะตัดไหมหลังจากวันผ่าตัด 1 อาทิตย์ และเหงือกจะหายสนิทเมื่อผ่านไป 1-2 เดือน

การดูแลสุขภาพช่องปากหลังการรักษาโรคเหงือกอักเสบ

1.ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งอย่างถูกวิธี

2.หลังแปรงฟันควรใช้ไหมขัดฟัน และน้ำยาบ้วนปาก

3.ควรรักษาสุขภาพช่องปากให้แข็งแรงอยู่เสมอ

4.พบทันตแพทย์ทุกๆ 3-6 เดือน โดยทำการตรวจเช็คสุขภาพช่องปาก รวมทั้งขูดหินปูน และขัดฟัน

การป้องกันโรคเหงือกอักเสบ

การป้องกันโรคเหงือกอักเสบสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ดังนี้

1.แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง โดยจะต้องแปรงให้ถูกวิธี ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำทุกวัน

2.ควรใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงนุ่ม มีขนาดที่พอดีกับช่องปากของเรา ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป แ

3.ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เป็นส่วนประกอบร่วมด้วย

4.ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3 เดือน หรือเมื่อเห็นว่าขนแปรงเริ่มบาน หรือเสียรูปทรง

5.ภายหลังจากการับประทานอาหาร ถ้าหากไม่สามารถแปรงฟันได้ ก็ควรที่จะบ้วนปากเสมอ

6.ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ผัก และผลไม้ที่มีกากใยสูง

7.หลีกเลี่ยงอาหาร และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง

8.ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่าเคร่งครัด

9.ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ รวมทั้งหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของอัลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ช่องปากเกิดการระคายเคือง และทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ในช่องปากได้

ผู้ที่ควรตรวจโรคเหงือกอักเสบ

  • ผู้ที่รักษาความสะอาดช่องปากได้ไม่ดี
  • คนไข้ที่มีโรคประจำตัวโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และ โรคความดัน
  • คุณแม่ตั้งครรภ์ อาจทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ และปริทันต์อักเสบได้ง่าย

รักษาโรคเหงือกอักเสบที่ไหนดี

การรักษาโรคเหงือกอักเสบ ถ้าหากเป็นในระดับที่มีการทำลายของกระดูกรอบๆรากฟัน แนะนำให้ทำการรักษากับทันตแพทย์เฉพาะทางโรคเหงือกโดยตรง ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัย มีเครื่องมือทันสมัย  และมีพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเอาใจใส่ ให้ความช่วยเหลือก และดูแลคนไข้ได้เป็นอย่างดี 

ทั้งหมดนี้สามารถขอคำแนะนำกับเราได้ที่  คลินิกทันตกรรมในเครือสไมล์เด็นทอลกรุ๊ป

คลินิกทันตกรรมในเครือสไมล์เด็นทอลกรุ๊ปของเรามีด้วยกัน 3 สาขา ได้แก่

– 👉คลินิกทันตกรรมพัทยากลาง (ตั้งอยู่หน้าปากซอยของพัทยากลาง ซอย 7 อยู่ติดถนนใหญ่)

– 👉คลินิกทันตกรรมพัทยาสไมล์ (ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับธนาคารกสิกร ตึกคอม พัทยาใต้)

– 👉คลินิกทันตกรรมฮอลลีวูดสไมล์ (ตั้งอยู่ตรงข้ามกับตึกคอม พัทยาใต้)

สามารถเข้ามาปรึกษากับเราได้ฟรี ไม่ว่าจะเป็นด้านทันตกรรมจัดฟัน หรือทันตกรรมสาขาอื่นๆ เรามีทีมทันต กรรมเฉพาะทางคอยให้คำปรึกษา และให้การรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ

Smile Dental Group  คลินิกทันตกรรม 3 สาขาของเรา ให้ความสำคัญในเรื่องของดูแลในเรื่องความสะอาด การฆ่าเชื้ออุปกรณ์ และเครื่องมือต่าง ๆ ทางทันตกรรมของ จึงมั่นใจได้ว่าปลอดเชื้อ 100%  นอกจากนี้เรามีทีมทันตแพทย์เฉพาะทางทุกสาขา และมีบุคลากรผู้ช่วยทางทันตกรรมที่มีประสบการณ์สูงชำนาญทางด้านทันต กรรมโดยเฉพาะ

และนอกจากนี้ เรายังมีทีมบริหารมีผู้จัดการไว้คอยดูแลให้บริการได้อย่างรวดเร็วทันใจ ถ้าหากมีปัญหา หรือต้องการความช่วยเหลือ เราสามารถดูแลท่านได้อย่างเต็มที่ และรวดเร็ว จึงมั่นใจได้ว่าท่านจะได้รับการบริการที่ดี และได้มาตรฐานอย่างแน่นอน

และที่สำคัญเราได้เห็นถึงความสำคัญของการมีสุขภาพช่องปากที่ดีในระยะยาว เราจึงได้จัดให้มีการเผยแพร่ความรู้ทางทันตกรรมต่างๆ รวมทั้งวิธีการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ เช่น ในเว็บไซต์ ในไลน์ ในเฟสบุ๊ค และในไอจี เพื่อให้คนไข้ได้เข้าไปศึกษาทำความเข้าใจ และนำไปใช้ในประกอบเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ

หากท่านใดสนใจต้องการข้อมูลเพิ่มเติม คลิกหาเราได้เลยค่ะ

ช่องทางการติดต่อกับทางคลินิกทั้ง 3 สาขา

– 📞Call center. 062-2893256

–  FB : www.facebook.com/SmileDentalGroupPattaya

–  Line id : @smiledentalpattaya

–  หรือคลิก https://lin.ee/kh0jJ73

–  IG : instagram.com/smiledentalgrouppattaya

–  Website : www.smiledentalgrouppattaya.com

บริการด้านทันตกรรม